MOGA Blog Archives - MOGA

Category: Blog

Color Blocking เทรนด์แฟชั่นการทำสีผมทูโทน

รวมไอเดียทำสีผมทูโทนที่ทำเมื่อไหร่ก็ไม่ตกกลัวตกเทรนด์!

สำหรับสายแฟชั่นที่ชื่นชอบการเปลี่ยนสีผมเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่อยากทำร้ายเส้นผมให้แห้งเสียไปมากกว่าเดิม วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคการทำสีผมสองสี หรือแบบ Two-Tone Hair ที่จะช่วยเสริมลูกเล่นให้กับทรงผมได้อย่างไม่มีเบื่อ พร้อมแนะนำวิธีการดูแลสีผมให้เปล่งประกายยาวนาน ใครอยากได้ไอเดียใหม่ ๆ ในการปรับเปลี่ยนสีผม ไม่ควรพลาดเลย!

Read More
เคลียร์ข้อสงสัย “รังแค” กับ “หนังศีรษะลอก” ต่างกันอย่างไร

เคลียร์ชัด! ปัญหา “รังแค” กับ “หนังศีรษะลอก” ต่างกันอย่างไร?

เคยไหมที่ต้องเจอกับปัญหา ‘มีสะเก็ดหรือขุยสีขาวอยู่บนผม’ จนทำให้ขาดความมั่นใจ อีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าควรเริ่มต้นรักษาอย่างไร เพราะแยกไม่ออกว่าที่เป็นอยู่ คือรังแคหรือแผ่นหนังศีรษะลอกกันแน่ สำหรับใครที่สังเกตเห็นสะเก็ดสีขาวที่เกิดขึ้นบริเวณเส้นผมอยู่บ่อยครั้ง วันนี้เราจะมาอธิบายให้รู้กันว่า ระหว่าง “รังแค” กับ “หนังศีรษะลอก” มีความแตกต่างกันอย่างไร พร้อมแนะนำ 3 ผลิตภัณฑ์แชมพูที่ตอบโจทย์ ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปได้!

Read More
ผมแตกปลายเกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร

ไขข้อสงสัย ผมแตกปลายเกิดจากอะไร พร้อมวิธีดูแลที่ถูกต้อง

เบื่อไหม? กับปัญหา ‘ผมแตกปลาย’ ที่ทำให้ผมดูชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก ไม่ว่าจะจัดทรงอย่างไร ผมก็ยังดูแห้งกรอบ จนทำให้หลายคนหมดความมั่นใจ และต้องคอยตัดปลายผมทิ้งอยู่บ่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ปัญหานี้เราสามารถแก้ไขได้ โดยไม่จำเป็นต้องตัดผมให้สั้น!

Read More
ทริคการเลือกทรงผมสไลด์ประบ่า

เปิดเคล็ดลับ! เลือกทรงผมทรงผมสไลด์ประบ่าให้เหมาะกับรูปหน้า

สาว ๆ คนไหนที่อยากเปลี่ยนลุคให้ดูดี ขอแนะนำทรงผมประบ่าที่กำลังเป็นที่นิยมของคนหลาย ๆ วัย ที่สำคัญสามารถรับกับใบหน้าได้หลายรูปแบบ ในบทความนี้ จะมาแจกทริกในการเลือกทรงผมสไลด์ประบ่า ทรงผมบ๊อบประบ่าสไลด์ปลาย ที่ช่วยเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

Read More
รวม Trends สีผมปรับผิวไบร์ทประจำปี 2024

3 เทรนด์ สีผมปรับลุคให้ผิวไบร์ทที่มาแรงในปี 2024

เรื่องของภาพลักษณ์และความสวยงามกับผู้หญิง เป็นของคู่กันที่ให้หยุดพัฒนาคงเป็นไปไม่ได้! นั่นทำให้ “สีผม” กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์และบุคลิกของแต่ละบุคคล โดยสีผลที่เหมาะกับบุคลิกนอกจากจะทำให้ดูดีขึ้นแล้ว ยังช่วยขับให้ผิวดูไบร์ท ซึ่งอาจพูดได้ว่า “สีผม” คือตัวกำหนดบุคลิกของผู้หญิงแต่ละคนเลยก็ว่าได้

Read More
ทรงผมชายเปิดข้าง วินเทจ แนะนำ

แนะนำ 5 ทรงผมชายวินเทจ หล่อเท่ฉบับปี 2024!

สำหรับสุภาพบุรุษท่านไหนที่ไว้ทรงผมเดิมมานาน จนส่องกระจกแล้วรู้สึกจำเจ นี่คือสัญญาณที่บอกชัดเจนว่าถึงเวลาแล้วสำหรับการเปลี่ยนทรงผม ซึ่งนอกจากจะเป็นการเปลี่ยนลุคให้กับตัวเองแล้ว ยังจะช่วยเติมความสดชื่นให้กับชีวิตอีกด้วย โดยหนึ่งในสไตล์ทรงผมผู้ชายที่ตัดแล้วรับประกันความเท่คือ ‘ทรงผมสไตล์วินเทจ’ ดังนั้น บทความนี้จึงจะมาแนะนำ 5 ทรงผมชายวินเทจ อัปเดตฉบับปี 2023 แต่จะมีไอเดียทรงผมที่จะเปลี่ยนลุคของเหล่าสุภาพบุรุษแบบไหนบ้าง ติดตามได้เลย

ทรงผมชายวินเทจ 2024 แนะนำ ตัดทรงผมไหนดี

Hair cut by Oku, MOGA Central Chidlom

1.ทรงผม French Crop

สำหรับ French Crop คือทรงผมที่ FashionBeans นิตยสารแฟชั่นผู้ชายระดับโลกได้ให้คำนิยามไว้ว่าเป็น ‘เสื้อเชิ้ตสีขาว’ กล่าวคือ นี่คือ ทรงผมชายเปิดข้างสไตล์วินเทจที่เข้ากับรูปหน้าทุกแบบได้อย่างลงตัว เหมือนกับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ไม่ว่าใครสวมใส่ก็ดูดีได้ง่าย ๆ 

นอกจากนั้น  French Crop ยังเป็นทรงผมชายเปิดข้างสไตล์วินเทจที่ไม่ต้องดูแลอะไรมาก เหมาะสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์สายลุย ไม่ว่าจะเข้าฟิตเนส ว่ายน้ำ หรือปาร์ตี้ เพราะไม่ต้องใช้ ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมใด ๆ เพียงแค่สระผมแล้วปล่อยให้ผมเข้าที่อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หากต้องการความโฉบเฉี่ยวที่เพิ่มขึ้น ให้ลองใช้สเปรย์ฉีดผมในปริมาณเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้มือจัดแต่งตามต้องการ เพียงเท่านี้ก็ดูดีมีสไตล์แล้ว

2.ทรงผม Slick Back

จากจุดเริ่มต้นในช่วงปีค.ศ.1920 ผ่านไปกว่าหนึ่งศตวรรษ กระทั่งปัจจุบัน Slick Back ก็ยังคงเป็นทรงผมชายวินเทจที่ได้รับความนิยมในปีค.ศ. 2023 นี่คือหลักฐานยืนยันถึงความคลาสสิกเหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง 

ทรงผม Slick Back เหมาะสำหรับคุณสุภาพบุรุษที่มีเส้นผมตรง เนื่องจากยิ่งเส้นผมหยักศกมากเท่าไร ก็ยิ่งยากที่จะหวีให้เรียบตรงไปด้านหลัง ส่วนรูปหน้าที่เข้ากับทรงผมชายเปิดข้างสไตล์วินเทจทรงนี้ก็หลากหลาย แต่ถ้าคุณเป็นคนที่หน้ารูปไข่หรือกลม แนะนำให้ไว้หนวดเคราคู่ไปด้วยเพื่อเพิ่มมิติของใบหน้า 

ในการจัดแต่งทรงผม ให้เริ่มจากเป่าผมด้านหลังให้แห้ง โดยหากต้องการ ‘Wet Look’ สไตล์คลาสสิกให้ใช้โพเมดสูตรน้ำและหวีให้ทั่วเมื่อผมเปียกหมาด ๆ แต่ถ้าต้องการลุคที่สบาย ๆ ให้ใช้โพโมดสูตรน้ำมัน ตามด้วยใช้มือจัดแต่งโดยที่ไม่ต้องเน้นความเป๊ะมากนัก

3.ทรงผม Side Parting

อีกหนึ่งทรงผมชายเปิดข้างสไตล์วินเทจที่ได้รับความนิยมมานานนับศตวรรษ โดยยุคที่เฟื่องฟูที่สุดของ Side Parting คือในช่วงปีในปีค.ศ. 1960 เนื่องจากเป็นทรงผมที่สามารถจัดแต่งได้ง่ายกว่า Slick Back แต่ให้ลุคที่คลาสสิกและดูดีไม่แพ้กัน  

Side Parting คือการตัดผมสั้นด้านหลังและด้านข้าง จุดเด่นคือเป็นทรงที่เหมาะกับหลากสภาพเส้นผม หลายรูปหน้า เรียกได้ว่าใครตัดก็รอด ส่วนวิธีที่ดีที่สุดในการจัดแต่งทรงผมคือใส่ผลิตภัณฑ์โพเมดลงบนผมขณะผมหมาด และใช้หวีเสยผม ทริกสำคัญคือการกำหนดจุดที่จะแสกผมตามรอยธรรมชาติอย่างพอดี 

4.ทรงผม Pompadour

จากยุคที่เสียงเพลง Elvis Presley ครองเมือง สู่ปัจจุบัน Pompadour ยังคงเป็นทรงผมชายวินเทจที่ได้รับความนิยมในปีค.ศ. 2023 อย่างไม่เสื่อมคลาย 

ทรงผม Pompadour เหมาะกับรูปหน้าแทบทุกแบบ โดยหากคุณมีหน้าแคบ ก็สามารถไว้ผม Pompadour เพื่อเสริมความกว้างของใบหน้าได้ หรือหากมีใบหน้าที่กลม ก็ควรแสกผมด้านข้างของศีรษะลงมาเพื่อให้รูปหน้าดูเล็กลง อย่างไรก็ตาม สุภาพบุรุษที่จะตัดทรงนี้ควรที่จะมีเส้นผมที่หนาในระดับหนึ่ง เพื่อให้สามารถจัดแต่งขึ้นทรงได้อย่างสะดวก

เพื่อให้ได้ทรงผม Pompadour ที่ถูกต้อง ให้เริ่มจากการไว้ผมด้านหน้าให้ยาว และเมื่อผมด้านหน้ายาวประมาณสามนิ้วแล้ว คุณจะสามารถสร้างความสูงให้กับทรงผมได้ โดยให้ใช้ไดร์เป่าผมหลังจากใส่มูสผมสำหรับผู้ชาย จากนั้นดึงผมขึ้นขณะที่คุณเป่าผมเพื่อสร้างการยกรากผม และเมื่อเส้นผมใกล้จะแห้งแล้ว ให้ใช้ปลายนิ้วหรือแปรงหวีผมเพื่อให้ปลายผมมีความพลิ้วไหวมากขึ้น 

ทรงผมชายเปิดข้าง วินเทจ แนะนำ

Haircut by Aom, MOGA Paragon

5.ทรงผม Quiff

Quiff เป็นทรงผมชายเปิดข้างสไตล์วินเทจที่เหมาะกับหลากหลายรูปหน้าเช่นเดียวกับทรง Pompadour เพียงแต่ผู้ที่มีไรผมร่นอาจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นพิเศษ เนื่องจากมีการเปิดหน้าผากมาก โดยทรงผม Quiff มีทั้งแบบคลาสสิกและโมเดิร์น สำหรับแบบคลาสสิก การไล่เลเยอร์ระหว่างผมกลางศีรษะกับด้านหลังจะค่อนข้างแนบเนียน ไม่เห็นรอยต่อ ตรงกันข้ามกับแบบร่วมสมัยที่จะโฉบเฉี่ยวมากกว่า 

ในการจัดแต่งทรงผม ให้ใช้ผลิตภัณฑ์แบบเปียก หรือ Water Based กับผมที่แห้งหมาด ๆ แล้วหวีให้ทั่ว จากนั้น เป่าผมให้แห้งโดยใช้ไดร์เป่าผมที่ตั้งค่าอุณหภูมิสูงสุดและความเร็วต่ำสุด พร้อม ๆ กัน และใช้หวีเพื่อจัดทรงตามต้องการ แต่อย่าลืมปิดท้ายด้วยใช้สเปรย์ฉีดผมเพื่อให้อยู่ทรงนานยิ่งขึ้นด้วย

ตัดทรงผมชายวินเทจ  ไม่ตกเทรนด์ปี 2024 ต้องที่ MOGA

ตัดทรงผมชายวินเทจ  ไม่ตกเทรนด์ปี 2024 ต้องที่ MOGA

ถึงตรงนี้ หากสุภาพบุรุษท่านไหนอยากตัดทรงผมชายวินเทจ 2024 รวมถึงทรงอื่น ๆ แนะนำที่ MOGA ร้านตัดผมชายและหญิง โดยช่างทำผมสไตล์ญี่ปุ่น มีหลากหลายบริการ ทั้งยืด ดัดวอลุ่มตรงโคน หรือทำ Down Perm สร้างสรรค์ทรงผมผู้ชาย นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับจัดแต่งทรงผมผู้ชายที่คัดสรรมาจากผลิตภัณฑ์ชั้นนำมาจากทั่วโลก รวมถึงอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมไฟฟ้าที่จะช่วยให้คุณแต่งทรงผมได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่บ้าน โดยสามารถนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้าใช้บริการได้ทุกสาขา ทั้งที่ Central Embassy, Siam Paragon, CentralWorld, Emquartier®, Iconsiam, Central Chidlom  หรือติดต่อขอรับคำแนะนำการดูแลเส้นผมจากช่างผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยที่ LINE: @MOGA

4 วิธีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แชมพู สำหรับคนหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย

ปัญหาหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย

ใครที่มีปัญหาไม่ว่าจะใช้แชมพูตัวไหน ก็ทำให้หนังศีรษะแห้ง ลอกและเป็นตุ่ม อาจเป็นเพราะมีปัญหาสุขภาพหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย หรือที่เรียกกันว่า Sensitive Scalp ซึ่งวิธีแก้ไขก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ที่ต้องเริ่มจากตัวเรา อย่างการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อหนังศีรษะและเส้นผมเป็นอันดับแรก ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับอาการที่บ่งบอกถึง “การแพ้ยาสระผม” ว่ามีลักษณะอย่างไร รวมถึงจะมาแนะนำวิธีเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่มีหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย แบบฉบับร้านซาลอนพรีเมียม ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ติดตามได้เลย 

รู้ทัน “อาการแพ้แชมพูสระผม”เกิดจากอะไร?!

อาการแพ้แชมพูสระผม เป็นปัญหาผิวแพ้สารเคมีประเภทหนึ่ง เกิดจากผิวที่มีความอ่อนแอ หรือ มีลักษณะผิวแพ้ง่าย (Sensitive Scalp) ทำให้ไวต่อปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ เช่น อากาศที่เปลี่ยนแปลง ฮอร์โมน อาการหลังการทำสีผม หรือการใช้ยาสระผมที่มักมีส่วนผสมของน้ำหอม และสารเคมีชนิดต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ทำให้ผิวหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย จนเกิดการอักเสบ ผื่นแดง สะเก็ด อาการบวม แสบร้อน หรือเกิดตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นได้

อาการแพ้ยาสระผม สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วหนังศีรษะ หรือบางครั้ง อาจเกิดขึ้นบริเวณกรอบหน้า บนผิวหน้า หรือแผ่นหลัง จนทำให้เกิดผด หรือ สิวขึ้น เป็นต้น

4 วิธีเลือกผลิตภัณฑ์แชมพูสระผม สำหรับคนหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย

1.หลีกเลี่ยงสารเคมีที่มักจะทำให้เกิดอาการแพ้

คนที่มีปัญหาหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการใช้แชมพูสระผมที่มีสารประกอบจาก ซัลเฟตหรือโซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) โซเดียมลอริลซัลเฟต (SLES) ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) พาราเบน (Parabens) เฮกซะคลอโรฟีน (Hexachlorophene) และ พาทาเลต (Pthalate) ที่มักทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง หนังศีรษะลอก หรือทำให้แสบตาได้

2.เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH อยู่ระหว่าง 5-6.5

ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมทั่วไปในท้องตลาด จะมีค่า pH อยู่ที่ 8 ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ที่มีผิวหนังศีรษะแห้งแพ้ง่ายเกิดความระคายเคือง หรือทำให้หนังศีรษะมีรังแค รวมถึงผมแห้งกรอบได้ ดังนั้น ขอแนะนำให้เลือกใช้แชมพูสระผมที่มีค่า pH อยู่ระหว่าง 5 – 6.5 ซึ่งเป็นค่ากรดอ่อน ๆ ที่มีความใกล้เคียงกับค่าปกติของสภาพหนังศีรษะและเส้นผม จึงไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเส้นผมชี้ฟูแห้งกระด้าง 

3.ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม อาจไม่ได้ดีเสมอไป

อย่าเพิ่งตัดสินใจซื้อ เพียงเพราะเห็นคำโฆษณาที่ว่า “เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม” เท่านั้น ขอแนะนำให้ตรวจสอบส่วนประกอบให้แน่ใจเสียก่อน เพราะการ “ไม่มีกลิ่น” หรือ “ปราศจากน้ำหอม” ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสารอันตรายที่ทำร้ายเส้นผม เพราะอาจมีสารสกัดจากพืชหรือน้ำมันหอมระเหยที่สามารถทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายได้ ดังนั้น ควรตรวจสอบให้มั่นใจ ก่อนตัดสินใจซื้อมาใช้งานจริง

4.ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมออร์แกนิก ไม่ได้หมายความว่าโอกาสการแพ้น้อยลง

การเลือกใช้แชมพูสระผมออร์แกนิกไม่ได้หมายความว่าจะมีโอกาสการแพ้น้อยลงเสมอไป เพียงเพราะส่วนผสมในแชมพูมีความเป็นธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว อาการแพ้มักเกิดจากส่วนผสมบางชนิดที่อยู่ในแชมพู ซึ่งในบางครั้งก็เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น สมุนไพรบางประเภท ก็อาจทำให้เกิดการแพ้ได้ ดังนั้นควรสอบถามและดูฉลากให้ดีก่อนซื้อเสมอ 

 

แนะนำ3 แชมพูสำหรับคนหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย สำหรับปี 2024

1.MOGA Pro Care Shampoo 

ผลิตภัณฑ์แชมพูที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ พืชพรรณ และสมุนไพรถึง 93% เช่น Rosa multiflora, Coptis Root, Sansho peel เป็นต้น ที่ช่วยทำความสะอาดหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างล้ำลึก พร้อมช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบนหนังศีรษะ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่เส้นผม และยังช่วยซ่อมแซมความเสียหายของเส้นผม เพื่อให้เส้นผมและหนังศีรษะกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง 

2.AVEDA Rosemary Mint Shampoo

หนังศีรษะแห้ง ลอก ใช้อะไรดี? ขอแนะนำแบรนด์ Aveda สูตร Rosemary Mint ที่มีประสิทธิภาพการทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างล้ำลึก ลดอาการคัน และบำรุงเส้นผมอย่างอ่อนโยน ทำให้เส้นผมสุขภาพดี มาพร้อมกลิ่นหอมละมุนของโรสแมรีออร์แกนิกและเปปเปอร์มินต์ที่ผ่านการรับรอง พร้อมด้วยกลิ่นดอกไม้บริสุทธิ์และเอสเซ้นส์จากพืชหลากหลายชนิด ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ตลอดวัน

3.Davines Calming Shampoo

ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับผู้ที่มีหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย บอบบางและระคายเคืองได้ง่าย ด้วยส่วนประกอบจากธรรมชาติ อุดมด้วยวิตามินซีและบี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อสุขภาพเส้นผม ทั้งยังช่วยปกป้องหนังศีรษะให้กลับมามีสุขภาพดี พร้อมเสริมรากฐานที่แข็งแรงให้กับเส้นผม นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมของบลูเบอร์รีที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและการระคายเคือง ช่วยปลอบประโลมหนังศีรษะที่บอบบางและแพ้ง่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

สำหรับคนที่เจอปัญหาหนังศีรษะแห้งแพ้ง่าย หรืออยากแก้ปัญหาผมเสียมากใช้อะไรดี สามารถเข้ามาปรึกษากับช่างผมของ MOGA ร้านซาลอนพรีเมียมสไตล์ญี่ปุ่น ที่ดูแลผมคุณด้วยความใส่ใจ พร้อมด้วยช่างที่มากประสบการณ์ สามารถให้คำแนะนำในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับเส้นผมและหนังศีรษะของคุณได้ สามารถไปใช้บริการได้ทุกสาขา ทั้งที่ Central Embassy, Siam Paragon, CentralWorld, Emquartier, Iconsiam, Central Chidlom หรือติดต่อขอรับคำแนะนำการดูแลเส้นผมจากช่างผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยที่ LINE: @MOGA

รู้ทัน! ทำไมปัญหาหนังศีรษะมัน ถึงทำให้ผมมันง่าย พร้อม 3 วิธีการดูแล

ปัญหาหนังศีรษะมัน ผมมันง่าย

สำหรับคนที่ต้องเจอกับปัญหาหนังศีรษะมัน ผมมันง่าย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ยาสระผมที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเส้นผมและหนังศีรษะเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่จำเป็นจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับต่อมไขมันบนหนังศีรษะ เพื่อช่วยลดการผลิตน้ำมันให้ออกมาน้อยลงด้วย  

ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับปัญหาผมมัน ว่ามีสาเหตุเกิดจากอะไร และควรดูแลอย่างไรเพื่อให้เส้นผมกลับมามีสุขภาพแข็งแรงเงางาม รวมถึงไปรู้ถึงข้อแนะนำในการเลือกใช้แชมพูสำหรับคนผมมันง่าย ว่าเลือกใช้อย่างไรถึงจะเหมาะสมที่สุด 

ทำไมปัญหาหนังศีรษะมัน ถึงทำให้ผมมันง่าย?

ปัญหาหนังศีรษะมัน ผมมันง่าย เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพผมที่พบได้บ่อยมากที่สุด เพราะโดยปกติแล้ว ต่อมไขมันบริเวณหนังศีรษะจะผลิตน้ำมันออกมา เพื่อปกป้องไม่ให้หนังศีรษะขาดความชุ่มชื้น และช่วยให้เส้นผมไม่ชี้ฟู แต่หากต่อมไขมันบริเวณหนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมามากผิดปกติ ก็จะทำให้เส้นผมมันมากขึ้น และหากผสมเข้ากับเหงื่อและสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามเส้นผม ก็อาจนำไปสู่ปัญหารังแคตามมาได้ โดยสาเหตุที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันบนหนังศีรษะมากผิดปกติ เกิดได้จากสาเหตุเหล่านี้

  • การสระผมบ่อยเกินไป 
  • การปล่อยให้หนังศีรษะและเส้นผมอับชื้นอยู่บ่อยครั้ง
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือน หรือช่วงที่ตั้งครรภ์
  • การใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมบ่อย ๆ
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพหนังศีรษะและเส้นผม

3 วิธีดูแล ในการลดปัญหาหนังศีรษะมัน ผมมันง่าย

1.ไม่สระผมบ่อยจนเกินไป

การสระผมบ่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินบนเส้นผมออกได้ แต่ก็ทำให้หนังศีรษะสูญเสียน้ำมันและความชุ่มชื้นตามธรรมชาติออกไปด้วย จึงทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ควรเลือกความถี่ในการสระผมแต่พอดี ไม่สระผมบ่อยจนเกินไป เช่น การสระแบบวันเว้นวัน หรือ 2 – 3 วันสระครั้ง เป็นต้น

2.ดูแลหนังศีรษะและเส้นไม่ให้อับชื้น

หลังสระผมเสร็จ ควรใช้ผ้าค่อย ๆ เช็ดเส้นผมให้แห้ง หรือใช้ไดร์อุ่นเป่าหนังศีรษะและเส้นผม เพื่อป้องกันความอับชื้นบริเวณหนังศีรษะที่อาจเกิดขึ้น  

3.การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับหนังศีรษะและเส้นผม

ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อคนที่มีหนังศีรษะมันและผมมันง่ายโดยเฉพาะ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ที่สามารถช่วยกำจัดความมันส่วนเกินบนเส้นผม นอกจากนี้ ยังควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ไม่ทำให้เส้นผมและหนังศีรษะมันมากกว่าเดิมด้วย 

4 เทคนิคการเลือกแชมพูสระผมสำหรับคนหนังศีรษะมัน ผมมันง่าย

  • หลีกเลี่ยงแชมพูที่มีสารเคมีที่ไม่จำเป็น : ไม่ใช้แชมพูที่มีสารอย่าง ซิลิโคน สารโซเดียมลอริลซัลเฟต (SLS) หรือพาราเบน เพราะจะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมแห้งมากกว่าเดิม ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้เกิดผมมันได้ง่าย 
  • เลือกใช้แชมพูที่ปราศจากน้ำมันดิน : แนะนำให้เลือกใช้แชมพูที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน และน้ำมันถ่านหิน ก็จะช่วยลดการระคายเคืองและอาการหนังศีรษะแห้งได้ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาต่อมไขมันทำงานบกพร่องได้อีกด้วย 
  • เลือกแชมพูสระผมสูตรอ่อนโยน ที่มีค่า pH ที่สมดุล : การเลือกใช้แชมพูที่มีค่า pH อยู่ระหว่าง 5-6.5 จะเป็นสูตรที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะและเส้นผม และสามารถช่วยรักษาสมดุลของน้ำมันบนหนังศีรษะ จึงช่วยลดการเกิดน้ำมันส่วนเกินบนเส้นผม ลดปัญหาผมมันง่ายได้เป็นอย่างดี
  • เลือกแชมพูที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ : เลือกใช้แชมพูออร์แกนิก ที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขนบนหนังศีรษะได้ โดยอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติอย่าง ส้ม เลมอน น้ำมันมะพร้าว ว่านหางจระเข้ และสารสกัดจากสมุนไพรอื่น ๆ เป็นหลัก ที่สามารถช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินออกไปได้ 

แนะนำแชมพูสำหรับผมร่วง ผมมัน

แนะนำ 3 แชมพูสำหรับคนที่มีปัญหาผมร่วง ผมมัน

1.AVEDA Scalp Solutions Balancing Shampoo

ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมสูตรอ่อนโยน สำหรับคนผมมันง่าย ที่ประกอบด้วยสกัดจากธรรมชาติถึง 94% มีประสิทธิภาพช่วยขจัดความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรก และมลภาวะออกจากเส้นผมและหนังศีรษะ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของหนังศีรษะ มาพร้อมกลิ่นซิตรัสอโรมาหอมสะอาด และกลิ่นดอกไม้อ่อน ๆ ของดอกเนโรลี ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ทุกครั้งที่สระผม

2.MILBON Scalp Purifying Gel Shampoo

MILBON Scalp Purifying Gel Shampoo แชมพูสระผมสูตรเจล ที่ได้รับการพัฒนาให้มีเนื้อฟองละเอียด สามารถเข้าขจัดน้ำมันส่วนเกินบนหนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างล้ำลึก ลดการอุดตันของสิ่งสกปรกและไขมันบริเวณรากผม พร้อมช่วยปรับสมดุลหนังศีรษะให้แข็งแรง มีสุขภาพดี

3.Davines Rebalancing Shampoo 

แชมพูสำหรับคนผมมัน ที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยขจัดและปรับสมดุลความมันส่วนเกินให้อยู่ในสภาวะปกติ โดยไม่ทำให้หนังศีรษะและเส้นผมแห้ง มาพร้อมกลิ่นหอมของออยล์ที่ได้จาก Camomile Cedarwood และ Japanese Green Tea ที่ทำให้ทุกการสระผมรู้สึกถึงความผ่อนคลายเหมือนไปทำสปา

ปัญหาหนังศีรษะมันมักทำให้ผมมันง่ายขึ้น แต่ก็สามารถแก้ไขได้หากดูแลอย่างถูกวิธี แต่สำหรับใครที่ต้องการปรับสภาพผมให้มีสุขภาพที่แข็งแรงยาวนาน สามารถมาปรึกษากับช่างผมได้ที่ MOGA ร้านซาลอนญี่ปุ่นที่ดูแลผมคุณด้วยความใส่ใจ เรามีผลิตภัณฑ์แชมพูสำหรับผมร่วง ผมมัน ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ ช่วยทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก ลดปัญหาผมมันและการขาดร่วงได้เป็นอย่างดี สามารถเข้าใช้บริการได้ทุกสาขา ทั้งที่ Central Embassy, Siam Paragon, CentralWorld, Emquartier, Iconsiam, Central Chidlom หรือติดต่อขอรับคำแนะนำการดูแลเส้นผมจากช่างผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยที่ LINE: @MOGA

ดูแลผมด้วยทรีทเมนต์บำรุงผมทำสี

เปิด 4 วิธีบํารุงผมเสียจากการทําสี เพื่อผมสุขภาพดี สีคงทน

ไม่ว่าใครก็อยากมีผมสวยงามดูดีเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ในช่วงหลายปีมานี้ เทรนด์ผมสวยหลากสีเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจ แม้ขั้นตอนการทำจะไม่ยุ่งยาก แต่การจะดูแลหลังจากนั้นคือสิ่งที่ต้องให้ความใส่ใจ เพราะหากดูแลไม่ดีอาจทำให้ผมเสียได้ สำหรับใครที่กำลังกังวลเพราะผมที่ทำสีมาเริ่มชี้ฟูและหลุดร่วงง่าย เราได้รวบรวมวิธีบำรุงผมเสียที่เกิดจากการทำสีมาฝากกันไว้ที่นี่แล้ว

ทำไมผมถึงเสียจากการทำสี

เจาะสาเหตุ! ทำไมผมเสียจากการทำสี?

สาเหตุที่ผมเสียแห้งกรอบจากการทำสี เพราะในน้ำยาย้อมสีผมหรือน้ำยากัดสีผม มีสารเคมีที่มีความเป็นกรดและเป็นด่างเป็นองค์ประกอบ ส่งผลให้รากผมและเส้นผมอ่อนแอ มีลักษณะแห้ง กรอบ ขาดความชุ่มชื้น เงางาม ซึ่งการใช้น้ำยาฟอกจะขึ้นอยู่กับการประเมินเส้นผมของช่าง หากเส้นผมก่อนการทำสีไม่แข็งแรง จะทำให้ผมมีโอกาสขาดง่ายในระหว่างหรือหลังทำสี ซึ่งในบางกรณีอาจได้รับคำแนะนำจากช่างทำผม ให้ใช้สีกึ่งถาวร เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเส้นผม จึงเป็นเหตุผลที่ควรบำรุงผมให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถทำสีผมได้อย่างราบรื่นและออกมาสวยสุขภาพดี

ส่อง4 สัญญาณผมเสีย ที่เกิดจากการทำสี

หากต้องการตรวจสอบสภาพผมเสียที่เกิดจากการทำสี สามารถสังเกตได้ทันทีหลังจากการสระผมครั้งแรก ว่าสุขภาพเส้นผมต่างจากเดิมไปมากน้อยแค่ไหน โดยสามารถเช็กได้จากอาการเหล่านี้

1.ผมแตกปลาย

สิ่งแรกที่สังเกตได้ง่ายที่สุด คือปลายผมที่แตกเป็นแฉกสองแฉกหรือมากกว่านั้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสัญญาณเตือนของผมเสีย ทำให้หลาย ๆ คนมักเลือกตัด หรือเล็มส่วนปลายที่แตกออก แต่นั่นเป็นเพียงการแก้ปัญญาหาระยะสั้นเท่านั้น เพราะหากไม่ได้รับการบำรุงรักษา เมื่อผมเริ่มยาวขึ้นก็จะกลับมาแตกปลายเช่นเดิม  

2.ผมแห้งฟู ไม่มีน้ำหนัก

หลายคนอาจดีใจเมื่อผมที่ม้วนไว้จะคงทนอยู่ทรงนาน แต่รู้ไหมว่านี่คือสัญญาณเตือนของผมเสีย เนื่องจากผมที่แห้งฟูไร้น้ำหนักจะจัดทรงง่ายกว่าและอยู่ตัว แต่ผมที่นุ่มลื่นสวยจะพร้อมคืนตัวเสมอ นอกจากนี้ เมื่อผมแห้งฟูไม่มีน้ำหนักสิ่งที่ตามมาจะกลายเป็นปัญหามากมาย ทั้งผมเปราะ ขาด และผมชี้ฟูไม่เป็นทรง

3.ผมเปราะบาง ขาดง่าย

วิธีเช็กที่ง่ายที่สุดก็คือ การจับยืดเส้นผมเพื่อดูว่ามีความยืดหยุ่นอยู่หรือไม่ หากลองแล้วผมขาด หรือมีอาการเปราะบางจากการสางผมทั่วไปโดยไม่ได้ออกแรงดึงมาก สิ่งนี้อาจบ่งบอกได้ถึงปัญหาเส้นผมในขั้นวิกฤติที่ต้องรีบบำรุงโดยด่วน

4.ผมลีบแบน แข็งทื่อ

ผมที่ลีบแบนติดหนังหัวดูไม่พลิ้วไหว เมื่อเคลื่อนไหวก็ดูแข็งทื่อไม่เป็นธรรมชาติจนทำให้ดูไม่สวยงาม ก็สามารถบ่งบอกได้เช่นกันว่า ผมที่ทำสีต้องได้รับการบำรุงโดยด่วนแล้ว 

แนะนำ 4 วิธีบํารุงผมเสียจากการทําสี

1.หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อน

การม้วน การไดร์ หรือการหนีบ ล้วนเป็นการใช้ความร้อนที่ทำลายเกร็ดปกป้องเส้นผม โดยเฉพาะกับเส้นผมทำสีที่มีความอ่อนแอกว่าปกติ ยิ่งใช้ความร้อนที่สูงมากจะยิ่งเป็นการทำร้ายเส้นผม แต่หากต้องการใช้ความร้อนกับเส้นผม ควรใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมก่อนโดนความร้อนเสียก่อน และควรใช้เครื่องไดร์ผมในอุณหภูมิกลางจนถึงต่ำ ที่สำคัญไม่ควรใช้เครื่องหนีบ หรือม้วน ในตอนที่ผมยังไม่แห้งดี 

2.หลีกเลี่ยงการทำเคมีอย่างน้อย 3 เดือน

หยุดทำสี ยืด ดัด อย่างน้อย 3 ถึง 6 เดือน เพราะเป็นกระบวนการที่ต้องใช้สารเคมีกับเส้นผม จึงควรหลีกเลี่ยงเพื่อให้เส้นผมได้ปรับสภาพ พร้อมกับการบำรุงเพื่อฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง 

3.ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสี

สำหรับคนที่ทำสีผมเป็นประจำ ย่อมรู้ดีว่าการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีโดยเฉพาะเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งหากเป็นผู้ที่มีผมสีอ่อน หรือมีผมสีบลอนด์ควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ เช่น แชมพูม่วง ซึ่งมีสรรพคุณในการป้องกันไม่ให้สีผมเปลี่ยน ช่วยลดความเหลืองของเส้นผม ทำให้โทนสีผมมีความสวยยาวนาน ควบคู่ไปกับการใช้ครีมหมักผม เคราติน หรือทรีทเมนต์บำรุงผมทำสี ที่จะช่วยบำรุงผมเสียจากการทำสีที่ผ่านการกัดให้กลับมาแข็งแรง เพราะยิ่งผมอ่อนแอเท่าไร แสดงว่าต้องผ่านขั้นตอนที่ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในการกัดผมจนเกิดความเปราะบางมากขึ้นเท่านั้น

ดูแลผมด้วยทรีทเมนต์บำรุงผมทำสี

แนะนำ! 3 ผลิตภัณฑ์เพื่อผมสุขภาพดีสำหรับคนทำสีผม

หลังทำสีผมใหม่ ๆ อาจทำให้เส้นผมมีความแห้งเล็กน้อยในช่วงแรก ๆ แต่สามารถบำรุงเพื่อคืนสภาพ pH  ให้กับหนังศีรษะและเส้นผม ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสีผมให้อยู่ทนในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูสภาพเส้นผม เช่น ทรีทเมนต์บำรุงผมทำสีเพื่อดูแลให้ผมกลับมาสวยงามเปล่งประกายได้ ด้วยผลิตภัณฑ์แนะนำ เหล่านี้

1.Aveda Color Control Shampoo

แชมพูมังสวิรัติ 100% ที่ปราศจากซิลิโคน จึงช่วยทำความสะอาดเส้นผมได้อย่างอ่อนโยนโดยไม่ทำให้สีผมหลุดลอก และด้วยสารสกัดจากพืชจึงช่วยลดการซีดจางของสี อีกทั้งยังมีส่วนผสมของน้ำมันแอปริคอตที่อุดมด้วยโอเมก้า ช่วยบำรุงให้เส้นผมของคุณนุ่มสลวย ชุ่มชื้น

2.Milbon Repair Restorative Treatment

ทรีทเมนต์บำรุงผมทำสีที่ซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมสูตรพิเศษสำหรับผมเสียอย่างรุนแรงที่ผ่านการทำสี ดัด ยืด มาอย่างหนักหน่วง โดยเทคโนโลยี Dual-Repair ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถบำรุงได้อย่างล้ำลึกให้ผมกลับมายืดหยุ่นและฟื้นคืนสภาพใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเคราติน Cationized ที่ช่วยปกป้องเส้นผมจากความเสียหาย

3.System Professional Color Save Mask

มาส์กบำรุงและปกป้องสีผมเข้มข้นเพื่อช่วยให้สีผมอยู่ได้นานคงทน อีกทั้งยังเป็นการบำรุงผมให้ชุ่มชื้น เงางาม จัดทรงง่าย จึงสามารถช่วยดูแลผมที่ผ่านการทำสีให้มีสุขภาพดี พร้อมช่วยปกป้องโครงสร้างเคราตินโดยการลดอนุมูลอิสระในน้ำ ทำให้ป้องกันการเปลี่ยนสีผมได้อีกด้วย  

ป้องกันผมเสียที่เกิดจากการทําสีได้ง่าย ๆ เพียงปรึกษากับช่างผมจาก MOGA ร้านซาลอนญี่ปุ่นที่ดูแลผมคุณด้วยความใส่ใจ พร้อมช่างที่มากประสบกาณ์ ที่ไม่เพียงแค่ทำสีผมสวย แต่ยังใส่ใจเส้นผมของคุณ ด้วยการช่วยดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีบํารุงผมเสียจากการทําสี พร้อมผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและช่วยปกป้องเส้นผมของคุณ โดยสามารถเข้ามาใช้บริการได้ทุกสาขา ทั้งที่ Central Embassy, Siam Paragon, CentralWorld, Emquartier®, Iconsiam, Central Chidlom  หรือติดต่อขอรับคำแนะนำการดูแลเส้นผมจากช่างผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยที่ LINE: @MOGA

 

ข้อมูลเกี่ยวกับการเฟดของสีและการดูแลรักษาผมทำสี

ข้อมูลเกี่ยวกับการเฟดของสีและการดูแลรักษาจากช่างทำผมมืออาชีพ

ทำสีผมครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง? เชื่อว่าสาว ๆ รวมถึงหนุ่ม ๆ หลายคนที่อยากเปลี่ยนลุคให้ดูดี นอกจากการเปลี่ยนทรงผมแล้ว การทำสีผมใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถเปลี่ยนลุคให้ดูสวย หล่อ และมีสไตล์มากขึ้น แต่สำหรับคนที่ทำสีผมครั้งแรกแต่ยังลังเลใจว่าจะทำดีไหม หรือจะเลือกสีไหนดี รวมถึงเมื่อทำเสร็จแล้วควรจะมีวิธีดูแลอย่างไรให้สีผมอยู่ได้นานที่สุด? วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับการเฟดของสี และการดูแลรักษา ซึ่งเป็นข้อแนะนำดี ๆ จากพี่ ๆ ช่างทำผมมืออาชีพมาให้ได้รู้กัน

Read More